ภาวะผู้นำ ตอนที่ 1...
...เพื่อนผมคนหนึ่ง เป็นคุณครูสอนวิชานาฏศิลป์ ที่โรงเรียนในชนบทแห่งหนึ่ง...
...เธอทำงานทุ่มเททั้งแรงกายและใจกับอาชีพของเธออย่างเต็มศักยภาพ...
...เมื่อไม่นานมานี้ เธอพานักเรียนของเธอมาแข่งขันนาฏศิลป์ จนได้เป็นแชมป์ อันดับ 1 นาฏศิลป์นักเรียนแห่งประเทศไทย...
...เมื่อวาน เห็นเธอระบายอารมณ์อย่างมากใน Facebook ว่าเธอถูกผู้อำนวยการโรงเรียนขโมยผลงาน เธอรู้สึกผิดหวังและเสียใจอย่างมาก...
...ย้อนกลับไป เมื่อสมัยที่ผมรับราชการ ผมเองก็เคยถูกผู้อำนวยการโรงพยาบาล ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของผมขโมยผลงาน เหมือนกัน...
...ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ จนถึงทุกวันนี้...
...ซึ่งทั้งผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้อำนวยการโรงพยาบาล ดังกล่าว ต่างก็คือ ผู้บังคับบัญชา หรือคนส่วนมากเข้าใจว่า เขาคือ "ผู้นำ" นั่นเอง...
...เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต เราจะพบว่า องค์กรต่าง ๆ จะต้องสูญเสียบุคคลากรที่เก่ง ๆที่ดี ๆ ไปมากมาย ที่มีสาเหตุมาจาก "ผู้นำ"...
...เมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านี้ ทุกท่านจะนึกถึงว่า ผู้นำ คือ "ตำแหน่ง" ที่ได้มา นั่นเอง...
...แต่ที่ผ่านมา เราคงเคยรู้จักผู้นำที่แย่ ๆ แต่มีตำแหน่งที่ดี รวมทั้งรู้จักกับผู้นำที่ดี แต่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย ทั้งในองค์กรงานประจำ ทั้งภาครัฐและเอกชน หรือแม้แต่ผู้นำในเครือข่าย...
...ในมุมมองนี้ เรามองว่าผู้นำเขาเป็นอย่างไร เป็นการมองพุ่งออกไปภายนอก ถ้ามองแค่มุมนี้มุมเดียว มันอันตราย เป็นการมองไม่ครบองค์ประกอบของความสำเร็จ...
...แต่เราก็เชื่อว่า "ทุกสิ่งอย่างล้วนรุ่งเรืองและล้มเหลวได้จากเรื่อง ภาวะผู้นำ"...
...แต่ที่ต้องการเน้นย้ำ คือ ความรุ่งเรืองและความล้มเหลวขององค์กรก็ไม่ได้แค่ขึ้นอยู่กับ ผู้นำคนเดียว เพราะยังมีองค์ประกอบของ "ทีม" และ "สิ่งแวดล้อม" อีกมากมาย...
...ถามว่า แล้วความสำเร็จหรือความล้มเหลวของสมาชิกที่นี่ขึ้นอยู่กับผู้นำคนเดียวมั้ย...
...ไม่ใช่ แน่นอน...
...ทุกท่านคงจำเรื่องเคล็ดลับแห่งความสำเร็จ (S.O.S.)ได้ โดยเฉพาะตอนที่ 9...
...ท่านประธานผู้ก่อตั้งบริษัทเพนดูรา ได้แชร์ให้ฟังว่า มันมีเหตุปัจจัยอะไรบ้าง ที่คนหลาย ๆ คนอยากที่จะประสบความสำเร็จอย่างสมศักดิ์ศรี แต่ก็ทำในสิ่งที่ตนเองฝันไว้ไม่ได้ ท่านได้ให้ข้อคิด 4 ข้อ ดังนี้...
...1 คนเหล่านั้นขาดเพื่อนร่วมทางที่ดีในการเดินไปสู่ความสำเร็จด้วยกัน...
...2 ถึงแม้ได้เพื่อนร่วมทางที่ดี แต่ก็ขาดแนวทางที่ถูกต้อง...
...3 คนเหล่านั้นไม่เห็นภาพสุดท้ายของความสำเร็จที่ยั่งยืนของตนเองว่า เป็นอย่างไร...
...4 ทุกอย่างดีหมด แต่เราเองนั่นแหละเป็นคนขาดคุณภาพในตัวเราเอง...
...สรุป คือ ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของสมาชิกองค์กร ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้นำคนเดียว เพราะมีหลากหลายเหตุปัจจัยดังกล่าว...
...วันนี้ ทุกคนมีจุดสตาร์ทที่จุดเดียวกัน และมีเป้าหมายเดียวกันในเพนดูรา...
...วันนี้ ถ้าผู้นำวิ่งไปคนเดียว แต่คนอื่นไม่วิ่งไปด้วย ผู้นำจะวิ่งได้เร็วมาก เพราะไม่มีพลังถ่วง แต่จะไปถึงเป้าหมายแค่คนเดียว...
...แต่ถ้าวันนี้สมาชิกทุกคนจับมือแล้ววิ่งไปพร้อม ๆ กัน ทุกท่านจะมีความสำเร็จ คีือ ไปถึงเป้าหมายพร้อม ๆ กัน...
...และในระหว่างทำงานทุกคนจะมีพลัง มีความสุข และไม่เหนื่อย ทุกคนจะมีพลังร่วมด้วยช่วยกันฉุดลากสมาชิกทั้งทีมให้ไปถึงเป้าหมายได้ตลอดรอดฝั่งทุกคน และผู้นำก็ไม่เหนื่อยมาก...
...ในความเป็นจริง จะมีคนที่จับมือและวิ่งไปด้วยกันในระยะแรก ๆไม่กี่คน แต่สุดท้าย คนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และคนกลุ่มนี้จะไปถึงเป้าหมายด้วยกัน...
...จะมีบางคนที่วิ่งไปคนเดียว ฉันเก่งคนเดียว ฉันรู้ทุกอย่าง ไม่อยากยุ่งกับใคร ไม่สนใจใคร โอกาสที่จะไปผิดทิศทางมีสูงมาก ส่วนมากจะไม่ถึงเป้าหมาย เพราะขาดพลังของทีม และล้มเลิกเสียก่อน...
...ในขณะที่ผู้นำทีมนำทีมวิ่ง คนอื่นก็จับมือวิ่งไปพร้อม ๆ กัน มีบ้างบางคน (ส่วนมาก) ไม่ได้จับมือวิ่งไปพร้อมคนอื่น แต่ตัวเองเดินไปเองคนเดียว ใครอย่ามายุ่งกับฉัน อย่ามาชวนฉันวิ่ง ฉันมีภาระเยอะ ฉันไม่มีเวลา พวกคุณไปก่อนเถอะ ฯลฯ มีแต่สารพัดข้ออ้าง ต่อให้ไปถูกทิศทาง ก็คงไปถึงช้า เพราะเดินไปเอง ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง...
...และในขณะเดียวกัน อาจจะมีบางคน(หลายคน)ที่นั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ลุกจากที่เดิมเลย บอกให้ทำอะไรก็ไม่ทำ แถมในขณะที่คนอื่นเดินหรือวิ่ง ตัวเองยังแหย่เท้าออกไปทำให้คนอื่นสดุดอีก คนกลุ่มนี้คงไม่มีวันไปถึงเป้าหมาย และคงต้องถูกปฏิเสธจากทีม...
...เช่นในกรณีของการไม่รักษาพันธสัญญา (Commitment) ไม่เคารพกฏ กติกา และเงื่อนไขของทีม เป็นต้น...
...ที่ร้ายกว่านั้น คือ บางคนเข้ามาในทีมแบบมีวาระซ่อนเร้น ทำทีว่า สนใจจะมาร่วมธุรกิจ จะมาร่วมทีม แต่แอบแฝงด้วยเถยจิต คือมีจิตที่คิดจะขโมย เช่น มาชวนสมาชิกในทีมไปทำธุรกิจตัวอื่น มาในแบบทำนองชู้สาว หรือขั้นลามก อนาจาร เช่น มาเรียกกล้องสาว ๆ ในทีม ตอนดึก ๆ ดื่น ๆ ในทำนองลามก อนาจาร เป็นต้น...
...เพราะฉะนั้น ความสำเร็จขององค์กร จึงขึ้นอยู่กับพลังของสมาชิกทุกคนในทีม ไม่ได้ขึ้นอยู่ใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ผู้นำคนเดียว ทุกคนมีความสำคัญหมด ทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของทีม...
...ติดตามในตอนที่ 2
ขอบคุณผู้เขียนบทความ
นพ.ไมตรี พิชญังกูร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น