...ภาวะผู้นำ ตอนที่ 5...
...ผมขออนุญาตเล่านะครับ...
...เมื่ออดีต เป็นคนชั้นกลาง เราก็รู้สึกว่าคนมองเราเป็นคนกลาง ๆ ซึ่งก็คือ ความจริง ยอมรับได้ในสถานณะที่เป็นจริง...
...แต่ก็มีความรู้สึกว่า ผมใช้ความสามารถแค่เศษเสี้ยว ยังมีความสามารถที่จะบรรลุถึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองได้...
...ผมไม่ชอบคำว่า "กลาง ๆ"...
...แต่เนื่องจากมีคนมากมายที่ยอมรับชีวิตแบบกลาง ๆ แล้วชีวิตแบบนี้ไม่ดีตรงไหน...
...จึงได้ไปค้นหาความหมายที่แท้จริงของมัน...
...เอ็ดมุนด์ กอเดด ได้อธิบายไว้ดีมาก ดังนี้...
..."ปานกลาง" คือคำที่คนล้มเหลวอ้างว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้น เมื่อ ครอบครัวและเพื่อน ๆ ถามว่า ทำไมไม่ประสบความสำเร็จมากกว่านี้...
..."ปานกลาง" คือหัวกะทิของกลุ่มที่อยู่ล่างสุด เก่งที่สุดในบรรดาคนแย่ที่สุด หางกะทิของกลุ่มที่อยู่บนสุด แย่ที่สุดในบรรดาคนเก่งที่สุด คุณรู้มั้ย ตัวเองอยู่ในกลุ่มไหน...
..."ปานกลาง" หมายถึง กลาง ๆ ธรรมดา ๆ ไม่โดดเด่น เข้าแข่งอะไรก็ไม่ชนะ เป็นคนที่ไม่มีชื่อเสียง เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้จัก...
...การเป็นคน"ปานกลาง" คือข้ออ้างของคนขี้เกียจ ที่ไม่กล้าลุกขึ้นมาสู้ชีวิต ใช้ชีวิตไปแบบแกน ๆ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไร...
...การเป็นคน"ปานกลาง" คือการอยู่บนโลกนี้โดยไม่มีเป้าหมาย ใช้ชีวิตแบบไม่ลงทุนลงแรงทำอะไร และไม่ตอบแทนความช่วยเหลือที่พระเจ้าทรงประทานให้...
...การเป็นคน"ปานกลาง" คือการใช้ชีวิตอยู่ไปวัน ๆ แทนที่จะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ เป็นการฆ่าเวลาแทนที่จะทำงานอย่างเต็มที่...
...การเป็นคน"ปานกลาง" คือการเป็นคนที่ถูกลืมทันทีที่ละโลกนี้ไป ผู้คนจะจดจำผลงานของคนที่ประสบความสำเร็จ และเราจำคนล้มเหลวได้ เพราะพวกเขาพยายามทำอะไรบางอย่างแม้ไม่สำเร็จ แต่คน"ปานกลาง" ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่อยู่เงียบ ๆ จะไม่มีใครจดจำได้...
...การเป็นคน"ปานกลาง" คือการก่ออาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อตนเอง ต่อมนุษยชาติ และต่อพระเจ้า คำจารึกบนหลุมศพที่เศร้าสุด ๆ คือ นายและนาง"ปานกลาง"นอนอยู่ตรงนี้ นี่คือซากที่เหลืออยู่ของคนที่น่าจะไปได้ไกลกว่านี้ แต่ไม่ยอมทำอะไรเพราะเชื่อว่า ตัวเองเป็นได้แค่ คน"ปานกลาง"...
...ผมทนไม่ได้ที่จะเป็นแค่คนปลางกลาง คุณล่ะ ทนได้ไหม...
...ไม่มีใครชื่นชมคน"ปานกลาง" องค์กรที่ดีที่สุดไม่เสียเงินจ้างคน"ปานกลาง" มาทำงาน...
...ไม่คุ้มค่าเลยที่จะตั้งเป้าเป็นแค่คน"ปานกลาง" คนธรรมดา ๆ...
...ทุกท่านครับ ท่านเคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้มั้ยครับ...
...ผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่มักยินดีทำสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคย และเลือกความสะดววกสบายแทนศักยภาพ จึงยึดติดกับรูปแบบและความเคยชินเก่า ๆ โดยทำเรื่องเดิม ด้วยวิธีเดิม ในเวลาเดิม และได้ผลัพธ์เดิม ๆ...
...จริงอยู่การทำแบบนี้อาจรู้สึกดี แต่ก็นำไปสู่ความธรรมดา และผลที่ตามมาก็คือ ความไม่พอใจ...
...ผมเชื่อว่า หากเราตั้งเป้าว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่ต่ำกว่าความสามารถของตัวเอง เราอาจไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต...
...คนเราจะบรรลุศักยภาพของตัวเองได้ ก็ต่อเมื่อกล้าทำอะไรที่ตัวเองไม่คุ้นเคย แล้วทำลายกรอบความคิดที่จะเป็นแค่คนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ...
...ต้องเต็มใจที่จะละทิ้งสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคย ปลอดภัย และมั่นคง ต้องเลิกหาข้ออ้าง แล้วผลักตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้า ต้องเต็มใจเผชิญกับความเครียดที่มาจากการขยายขีดความสามารถเพื่อจะบรรลุศักยภาพสูงสุดของตัวเอง...
...ในบรรดาถ้อยคำอันเศร้าสร้อยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือการเขียน คำที่เศร้าที่สุด คืออะไรครับ...
...คืออะไรครับ...
...คือคำว่า...
..."น่าจะเป็น แต่ไม่ได้เป็น"...
...ติดตามในตอนที่ 6 ครับ...
ขอบคุณบทความดีๆจาก นพ.ไมตรี พิชญังกูร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น