วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

ภาวะผู้นำ ตอนที่ 9



..ภาวะผู้นำ ตอนที่ 9...

...การเตรียมตัว (การพัฒนา) + ทัศคติ + โอกาส + การกระทำ (ลงมือทำอะไรบางอย่าง)+ = โชค...
...ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเรา แต่ต้องอาศัยเวลา...
..."คุณเปลี่ยนจุดหมายของตัวเองไม่ได้ในชั่วข้ามคืน แต่เปลี่ยนทิศทางได้ในชั่วข้ามคืน"...

...ลองหันมาพัฒนาตัวเองอย่างตั้งใจ...

...1.ตั้งคำถามสำคัญเสียตอนนี้เลย...

...ถามว่า...
...ในชีวิตนี้ เราอยากจะไปอยู่ ณ จุดไหน...
...อยากจะเดินหน้าไปในทิศทางไหน...
...จินตนาการว่าตัวเองจะก้าวไปได้ไกลสุดแค่ไหน...

...การตอบคำถามตัวเองนี้ จะช่วยให้ได้เริ่มต้นการเดินทางแห่งการพัฒนา ให้ทุ่มเทไปที่ตัวเราเอง ทำให้ตัวเองดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งทำ ศักยภาพก็ยิ่งเพิ่มขึ้น และควรเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ จนก้าวไปถึงศักยภาพสูงสุดของตัวเอง...

...2.ลงมือทำเดี๋ยวนี้...

...เรื่องอันตรายที่สุดที่แต่ละคนเผชิญอยู่ตอนนี้ คือแนวคิดที่ว่า "ไว้วันหลังค่อย ทำให้การพัฒนาอย่างตั้งใจเป็นเรื่องสำคัญ"...

...เช่น...
...ไว้วันหลัง ฉันจะมีเวลาเขียนหนังสือที่คิดไว้ในใจมา 5 ปีแล้ว...
...ฉันรู้ว่าจะต้องแก้ปัญหาการเงิน แต่เอาไว้ฉันจะทำวันหลัง...
...จงอย่าติดกับดักของ "วันหลัง"...

...คำว่า "ไว้วันหลัง" เป็นหนึ่งในฆาตกรสังหารความฝัน เป็นหนึ่งในอุปสรรคนับไม่ถ้วนที่เราสร้างมาเบี่ยงเบนตัวเองออกจากโอกาสแห่งความสำเร็จ...
...การไล่ตามความฝันที่เริ่มต้นด้วยคำว่า "ไว้สักวันหนึ่ง" บวกกับสิ่งกีดขวางอื่น ๆ และบังคับให้ดำเนินชีวิตไปแบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องคิดอะไร...

...ทำไมถึงทำแบบนี้กับตัวเอง ทำไมไม่ลงมือทำเสียตอนนี้ ยอมรับเถอะว่าการทำอะไรที่คุ้นเคยเป็นเรื่องง่าย ส่วนเส้นทางแปลกใหม่ที่ไม่รู้จักนั้น มันย่อมเรียงรายไปด้วยความไม่แน่นอน...

...3.เผชิญหน้ากับความกลัว...

...ความกลัวที่ปิดกั้นไม่ให้ผู้คนประสบความสำเร็จมีปัจจัย 5 ประการที่มีบทบาทในเรื่องนี้...

...1.กลัวความล้มเหลว...
...2.กลัวสูญเสียความมั่นคงปลอดภัย เพื่อแลกกับสิ่งที่ไม่รู้จัก...
...3.กลัวการใช้จ่ายเงินเกินตัว...
...4.กลัวคำพูดหรือความคิดของคนอื่น...
...5.กลัวว่าความสำเร็จจะทำให้แปลกแยกจากเพื่อนฝูง...

...ความกลัวแปลกแยกจากเพื่อนฝูง จะมีผลกระทบมากที่สุด เพราะธรรมชาติของคน มักชอบให้คนอื่นพอใจ และอยากให้ทุกคนชอบ...

...แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าความกลัวรูปแบบไหนจะ มีผลกระทบต่อตัวเราแค่ไหน มันก็ไม่สำคัญ เพราะเราทุกคนล้วนมีความกลัวกันทั้งนั้น...

...แต่ข่าวดี คือ ทุกคนล้วนมีศรัทธา เราต้องถามตัวเองว่า "ฉันจะปล่อยให้อารมณ์แบบไหนแข็งแกร่งกว่ากัน"...

...คำตอบนี้สำคัญมาก เพราะอารมณ์ที่แข็งแกร่งกว่าย่อมเป็นฝ่ายชนะ ผมอยากกระตุ้นให้เราหล่อเลี้ยงศรัทธา และขจัดความกลัวของเราทิ้งไป...

...4.เปลี่ยนการพัฒนาโดยบังเอิญ เป็นการพัฒนาอย่างมีเจตจำนง...

...คนเรามีแนวโน้มจะใช้ชีวิตจำเจน่าเบื่อ หาความสนุกแบบง่าย ๆ และไม่พยายามหาทางหนีจากสถานการณ์แบบนี้ (ทั้งที่มันกำลังพาพวกเขาไปในทิศทางที่ผิด)...

...พอผ่านไปสักระยะ คนเหล่านี้ก็แค่อยู่ไปวัน ๆ และถ้าได้เรียนรู้อะไรบ้าง ก็เป็นเพราะความบังเอิญเท่านั้น...

...อย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้เลย หากที่ผ่านมาเราสร้างทัศนคติแบบนี้ ขอให้จำว่า ความจำเจกับหลุมศพไม่น่าพิสมัยพอ ๆ กัน...

...หากจะมีชีวิตอยู่อย่างจำเจไปนาน ๆ สู้ตายไปเลยจะดีกว่า...

...ปรัชญาการดำเนินชีวิตของบุคคลหนึ่ง ไม่อาจถ่ายทอดออกมาได้ดีที่สุดทางคำพูด แต่จะแสดงออกมาในสิ่งที่บุคคลนั้นตัดสินใจเลือกในระยะยาว...

...เราคือผู้สร้างชีวิตของเรา และเราคือผู้สร้างตัวเราเอง กระบวนการนี้ดำเนินต่อไปจนเราตาย และสิ่งที่เราตัดสินใจเลือกนั้น นั่นคือ ความรับผิดชอบสูงสุดของเราเอง...

...หากอยากไปถึงศักยภาพสูงสุดของตัวเอง และเป็นบุคคลในแบบที่ถูกลิขิตมา ต้องทำมากกว่าแค่ใช้ชีวิตไปเฉย ๆ แล้วหวังว่าจะมีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องที่จำเป็น...

...ต้องพยายามคว้าโอกาสที่จะพัฒนาตัวเอง ให้เหมือนราวกับว่าอนาคตของเราขึ้นอยู่กับเรื่องนี้ เพราะอะไร...

...เพราะอนาคตของเราขึ้นอยู่กับเรื่องนี้จริง ๆ...

...การพัฒนาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญสำหรับผม ไม่ใช่เรื่องบังเอิญสำหรับคุณ และไม่ใช่เรื่องบังเอิญสำหรับใครทั้งนั้น เราต้องไล่ล่าไขว่คว้าเอาเองครับ...

...ถ้าอยากประสบความสำเร็จก็ต้องทำเรื่องที่จำเป็น เช่น ตื่นเช้าขึ้นวันละชั่วโมง อยู่ดึกขึ้นอีกวันละชั่วโมง เลิกหยุดช่วงพักเที่ยง ทำงานเพิ่มขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์ หากไม่ทำ ก็เตรียมตัวทิ้งความใฝ่ฝันและความหวังใด ๆ ที่จะก้าวไปสู่ศักยภาพสูงสุดของตัวเองเสียเถอะ...

...เริ่มตอนนี้เลย เริ่มเลย อย่าช้า ให้สัญญากับตัวเองไว้เลย...

...สรุปว่า พัฒนาการเเปลี่ยนแปลงจากดักแด้ไปเป็นผีเสื้อ ในมิติต่าง ๆ จึงเริ่มต้นที่การพัฒนาการเปลี่ยนแปลงตัวเองจากจุดที่เรายืนอยู่ปัจจุบันไปสู่จุดที่เราต้องการ...

...การเริ่มต้นพัฒนาภาวะผู้นำของเราก่อน จาก Level 1 ไปสู่ Leve 5 จึงเป็นแนวทางที่จะสร้างพลังเหวี่ยงให้ทีมงานทุกคนได้พัฒนาไปพร้อม ๆ กัน และสร้างเป็นทีมที่มีพลังอย่างไร้ขีดจำกัด...

...สมาชิกทุกคนเปรียบเหมือนนักดนตรีในวงซิมโฟนี่วงใหญ่ แต่ละคนต่างก็เล่นดนตรีไปคนละชิ้น เล่นกันคนละคีย์ แต่ว่าทุกคนเล่นตามผู้นำวง คือ Conductor...

...แต่ละคนต่างทำหน้าที่ เมื่อทุกคนเล่นไปตาม Conductor ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เสียงดนตรีออกมาจึงไพเราะ...

...เมื่อสมาชิกทุกท่านต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ในองค์กร แต่เราทุกคนถูกกำกับด้วย PENDURA DNA ไปในทิศทางที่เป็นแนวทางเดียวกับบริษัท ทีมจึงก่อเกิดพลัง (Powerlization) ได้อย่างไร้ขีดจำกัด...

...จากดักแด้ สู่ ผีเสื้อ โดยพัฒนาการเปลี่ยนแปลงภาวะผู้นำจาก Position สู่ Pinnacle สมาชิกทุกคนในทีมกำกับด้วย PENDURA DNA นี่จึงเป็นคำตอบสุดท้ายที่จะประกันอิสรภาพที่แท้จริง...

..."As lond as you are going to be thinking anyway,think big."...Donald Trump...

..."ไหน ๆ เราก็ต้องคิดอยู่แล้ว คิดให้ใหญ่ไว้ดีกว่า"...

..."Nobody can guarantee that you'll succeed...
...Of course,"Nobody can guarantee that you'll fail...
...But once in your life,try something,work hard at something...
...Try to change,nothing bad can happen."...Jack Ma...

...ไม่มีใครรับประกันได้หรอกว่าคุณจะประสบความสำเร็จ...
...และแน่นอนว่า ไม่มีใครรับประกันได้เช่นกันว่า คุณจะล้มเหลว...
...เพราะฉะนั้น สักครั้งหนึ่งในชีวิต ลองทำอะไรสักอย่างดู ทุ่มเทกับมันอย่างสุดชีวิต...
...พยายามที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง คงไม่มีอะไรเลวร้ายเกินกว่าจะรับมือ...

...ติดตามในตอนที่ 10 ...

ขอบคุณบทความดีๆจาก
นพ.ไมตรี พิชญังกูร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น