.
.ภาวะผู้นำ ตอนที่ 11...
...เมื่อเรารู้จักภาวะผู้นำต่าง ๆ แล้ว เรามามองภาวะผู้นำ 5 ระดับให้ทะลุปรุโปร่งว่าภาวะผู้นำในแต่ละระดับมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร...
...1.แม้จะก้าวไปในระดับที่สูงขึ้น แต่ก็ไม่ทิ้ืงของเดิม...
...พวกเราคงคิดเอาเองว่าผู้นำจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ โดยก้าวจากระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่ง เหมือนการเดินขึ้นบันได แต่ความจริง เมื่อไปถึงระดับใดได้สำเร็จต้องไม่ทิ้งระดับก่อนหน้านั้นไป แต่ใช้ระดับนั้นต่อยอดขึ้นไปอีก...
...ลองคิดตามผมนะครับ...
...ถ้าเราเริ่มต้นจากการมีตำแหน่งผู้นำ จากนั้นก็สร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่เราดูแล โดยที่เราไม่จำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่ง...
...ความหมายคือ ถ้าไปถึงระดับที่ 2แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเรื่องตำแหน่งอีกต่อไป...
...คราวนี้พอเราสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น(ภาวะผู้นำระดับ 2) แล้วก้าวขึ้นไปสู่ระดับของการสร้างผลงาน(ภาวะผู้นำระดับ 3) เราก็จะยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่สร้างมา และยังได้ย้อนกลับไปสู่ระดับ 1 อีกครั้ง...
...คุณอาจคิดเอาเองว่าผู้นำจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ โดยก้าวจากระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่ง เหมือนการเดินขึ้นบันได แต่ความจริงคือ เมื่อไปถึงระดับใดได้สำเร็จแล้ว ต้องไม่ทิ้งระดับก่อนหน้านั้นไป แต่ใช้ระดับนั้นต่อยอดขึ้นไปอีก...
...2.ภาวะผู้นำที่คุณมีกับแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกัน...
....ภาวะผู้นำที่คุณมีกับแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกัน...
...เช่น คนที่เพิ่งเข้ามาทำงานในวันแรกเขาจะยอมรับและทำตามเพราะตำแหน่งของคุณ...
...แต่ในขณะที่คนอื่นที่คุณได้ทุ่มเทเวลาคอยดูแล ปลุกปั้นให้เขาเป็นผู้นำ เขาอาจจะยอมรับและจัดให้คุณเป็นผู้นำระดับที่ 4 ก็ได้...
...การก้าวไปให้ถึงภาวะผู้นำระดับต่างๆ ไม่เหมือนกับการได้รับปริญญา...
...ไม่เหมือนกับการสร้างสถิติของนักกีฬา...
...ไม่ใช่แค่ทำสำเร็จแล้วจบกัน แต่เป็นเหมือนการวิ่งแข่งทุกๆวันเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง...
...สิ่งสำคัญคือ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำระดับไหน ผู้นำก็ไม่ได้อยู่ดีๆแล้วขึ้นไปถึงระดับนั้นๆได้...
...ต้องพยายามสร้างภาวะผู้นำกับแต่ละคน ซึ่งระดับต่างๆนั้นจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตลอดเวลา...
...ปัจจัยที่มีผลที่สุดคือ ระดับภาวะผู้นำที่คุณกับแต่ละคน คนอื่นจะแสดงออกต่อคุณอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับระดับภาวะผู้นำที่คุณมีต่อพวกเขา ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงไปได้...
...3.ยิ่งก้าวสูงขึ้นไป การทำหน้าที่ผู้นำยิ่งง่ายขึ้น...
...ข่าวดี คือ...
...ยิ่งคุณไต่ต้าวไปสู่ภาวะผู้นำที่สูงขึ้น คุณจะรู้สึกว่าทำหน้าที่ผู้นำได้ง่ายดายขึ้น...
...ในความเป็นจริงจากประสบการณ์ของผม ผมก็รู้สึกเป็นเช่นนั้นครับ...
...การก้าวขึ้นไปในแต่ละระดับจะช่วยให้เรานำคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น...
...Influence หรือความสามารถโน้มน้าวและผลักดันให้ผู้คนทำสิ่งต่างๆก็ยิ่งเพิ่มตามไปด้วย ผู้คนก็พร้อมจะทำตามเรามากขึ้น...
...ข่าวร้าย คือ...
...การไต่ระดับภาวะผุ้นำไม่ใช่ของง่าย เพราะถ้าง่าย ทุกคนคงได้เป็นผู้นำระดับที่ 5 กันหมดแล้ว...
...4.ยิ่งก้าวสูงขึ้นไป การไต่ระดับยิ่งต้องใช้เวลาและความมุ่งมั่นมากขึ้น...
...การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นต้องใช้เวลา ความพยายาม ความต่อเนื่องและความมุ่งมั่น...
...การก้าวไปสู่ระดับที่ 3 คือการสร้างผลงานสม่ำเสมอนั้นยากกว่าการหาเพื่อน...
...รวมทั้งต้องใช้ระยะเวลานานขึ้นไปอีกและหากจะไปให้ถึงในระดับที่ 4 ซึ่งเราต้องพัฒนาคนอื่นให้กลายเป็นผู้นำที่ดี...
...ส่วนการเป็นผู้นำระดับที่ 5 อาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิต คือผู้ที่จะสร้างผู้นำที่จะคอยสร้างผู้นำคนอื่นๆขึ้นมาอีก...
...การขึ้นไปที่จุดสูงสุดไม่ใช่เรื่องง่าย...
...แต่ละครั้งที่ก้าวขึ้นไปต้องยอมเหนื่อย ต้องมุ่งมั่นมากขึ้น และต้องใช้พลังมากขึ้นในแต่ละครั้งที่ก้าวขึ้นไป...
...ต้องทุมเทอย่างสุดกำลัง ต้องเสียสละ หรือลงมือทำอย่างสุดความสามารถ...
...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ด้วยการทุ่มเทเพียงเล็กน้อย...
...ไม่มีทีมใดเป็นแชมป์ได้โดยไม่เสียสละหรือลงมือทำอย่างสุดความสามารถ...
...ติดตามในตอนที่ 12 ครับ...
ขอบคุณบทความจาก
นพ.ไมตรี พิชญังกูร
.ภาวะผู้นำ ตอนที่ 11...
...เมื่อเรารู้จักภาวะผู้นำต่าง ๆ แล้ว เรามามองภาวะผู้นำ 5 ระดับให้ทะลุปรุโปร่งว่าภาวะผู้นำในแต่ละระดับมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร...
...1.แม้จะก้าวไปในระดับที่สูงขึ้น แต่ก็ไม่ทิ้ืงของเดิม...
...พวกเราคงคิดเอาเองว่าผู้นำจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ โดยก้าวจากระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่ง เหมือนการเดินขึ้นบันได แต่ความจริง เมื่อไปถึงระดับใดได้สำเร็จต้องไม่ทิ้งระดับก่อนหน้านั้นไป แต่ใช้ระดับนั้นต่อยอดขึ้นไปอีก...
...ลองคิดตามผมนะครับ...
...ถ้าเราเริ่มต้นจากการมีตำแหน่งผู้นำ จากนั้นก็สร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่เราดูแล โดยที่เราไม่จำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่ง...
...ความหมายคือ ถ้าไปถึงระดับที่ 2แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเรื่องตำแหน่งอีกต่อไป...
...คราวนี้พอเราสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น(ภาวะผู้นำระดับ 2) แล้วก้าวขึ้นไปสู่ระดับของการสร้างผลงาน(ภาวะผู้นำระดับ 3) เราก็จะยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่สร้างมา และยังได้ย้อนกลับไปสู่ระดับ 1 อีกครั้ง...
...คุณอาจคิดเอาเองว่าผู้นำจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ โดยก้าวจากระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่ง เหมือนการเดินขึ้นบันได แต่ความจริงคือ เมื่อไปถึงระดับใดได้สำเร็จแล้ว ต้องไม่ทิ้งระดับก่อนหน้านั้นไป แต่ใช้ระดับนั้นต่อยอดขึ้นไปอีก...
...2.ภาวะผู้นำที่คุณมีกับแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกัน...
....ภาวะผู้นำที่คุณมีกับแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกัน...
...เช่น คนที่เพิ่งเข้ามาทำงานในวันแรกเขาจะยอมรับและทำตามเพราะตำแหน่งของคุณ...
...แต่ในขณะที่คนอื่นที่คุณได้ทุ่มเทเวลาคอยดูแล ปลุกปั้นให้เขาเป็นผู้นำ เขาอาจจะยอมรับและจัดให้คุณเป็นผู้นำระดับที่ 4 ก็ได้...
...การก้าวไปให้ถึงภาวะผู้นำระดับต่างๆ ไม่เหมือนกับการได้รับปริญญา...
...ไม่เหมือนกับการสร้างสถิติของนักกีฬา...
...ไม่ใช่แค่ทำสำเร็จแล้วจบกัน แต่เป็นเหมือนการวิ่งแข่งทุกๆวันเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง...
...สิ่งสำคัญคือ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำระดับไหน ผู้นำก็ไม่ได้อยู่ดีๆแล้วขึ้นไปถึงระดับนั้นๆได้...
...ต้องพยายามสร้างภาวะผู้นำกับแต่ละคน ซึ่งระดับต่างๆนั้นจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตลอดเวลา...
...ปัจจัยที่มีผลที่สุดคือ ระดับภาวะผู้นำที่คุณกับแต่ละคน คนอื่นจะแสดงออกต่อคุณอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับระดับภาวะผู้นำที่คุณมีต่อพวกเขา ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงไปได้...
...3.ยิ่งก้าวสูงขึ้นไป การทำหน้าที่ผู้นำยิ่งง่ายขึ้น...
...ข่าวดี คือ...
...ยิ่งคุณไต่ต้าวไปสู่ภาวะผู้นำที่สูงขึ้น คุณจะรู้สึกว่าทำหน้าที่ผู้นำได้ง่ายดายขึ้น...
...ในความเป็นจริงจากประสบการณ์ของผม ผมก็รู้สึกเป็นเช่นนั้นครับ...
...การก้าวขึ้นไปในแต่ละระดับจะช่วยให้เรานำคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น...
...Influence หรือความสามารถโน้มน้าวและผลักดันให้ผู้คนทำสิ่งต่างๆก็ยิ่งเพิ่มตามไปด้วย ผู้คนก็พร้อมจะทำตามเรามากขึ้น...
...ข่าวร้าย คือ...
...การไต่ระดับภาวะผุ้นำไม่ใช่ของง่าย เพราะถ้าง่าย ทุกคนคงได้เป็นผู้นำระดับที่ 5 กันหมดแล้ว...
...4.ยิ่งก้าวสูงขึ้นไป การไต่ระดับยิ่งต้องใช้เวลาและความมุ่งมั่นมากขึ้น...
...การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นต้องใช้เวลา ความพยายาม ความต่อเนื่องและความมุ่งมั่น...
...การก้าวไปสู่ระดับที่ 3 คือการสร้างผลงานสม่ำเสมอนั้นยากกว่าการหาเพื่อน...
...รวมทั้งต้องใช้ระยะเวลานานขึ้นไปอีกและหากจะไปให้ถึงในระดับที่ 4 ซึ่งเราต้องพัฒนาคนอื่นให้กลายเป็นผู้นำที่ดี...
...ส่วนการเป็นผู้นำระดับที่ 5 อาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิต คือผู้ที่จะสร้างผู้นำที่จะคอยสร้างผู้นำคนอื่นๆขึ้นมาอีก...
...การขึ้นไปที่จุดสูงสุดไม่ใช่เรื่องง่าย...
...แต่ละครั้งที่ก้าวขึ้นไปต้องยอมเหนื่อย ต้องมุ่งมั่นมากขึ้น และต้องใช้พลังมากขึ้นในแต่ละครั้งที่ก้าวขึ้นไป...
...ต้องทุมเทอย่างสุดกำลัง ต้องเสียสละ หรือลงมือทำอย่างสุดความสามารถ...
...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ด้วยการทุ่มเทเพียงเล็กน้อย...
...ไม่มีทีมใดเป็นแชมป์ได้โดยไม่เสียสละหรือลงมือทำอย่างสุดความสามารถ...
...ติดตามในตอนที่ 12 ครับ...
ขอบคุณบทความจาก
นพ.ไมตรี พิชญังกูร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น